มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: เจาะรุ่นย่อย MG4 เริ่มต้น 7 แสน รุ่นไหนได้อะไรบ้าง?MG4 ELECTRIC เปิดตัวรุ่นประะกอบไทยใหม่ ราคาใหม่ และเพิ่มรุ่นย่อยใหม่อีก 2 รุ่น นั่นคือ รุ่น V Long Range และ XPOWER AWD ตัวแรงราคาเร้าใจ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอุปกรณ์ภายในใหม่ พร้อมกับราคาใหม่คุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะรุ่น V Long Range ทีได้แบบฯ ใหม่ ใหญ่ขึ้นวิ่งได้ระยะทางสูงสุดมากกว่าเดิมถึง 540 กม. NEDC ในราคาไม่ถึง 9 แสนบาท และติดตั้งใบปัดน้ำฝนหลังมาให้แล้ว นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นเดียวในปัจจุบันที่วิ่งได้ไกลสุดในราคาไม่ถึงล้าน!
สมรรถนะ ออปชั่น ช่วงล่าง และราคาลงตัว
สำหรับบทความนี้ขอข้ามผ่านความลังเลหรือความกังวลว่า "ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าดีไหม?" ไปในจุดที่มีตงามต้องการจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วนจริง ๆ เลยนะครับ MG4 ELECTRIC ถามว่าคุ้มค่าแค่ไหน ตอบแบบง่าย ๆ ก่อนว่า จ่ายเงินในราคาเทียบเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์ถือว่าคุ้มค่ากว่าในรุ่นต่อรุ่นเลยทีเดียว เช่น เรื่องของ สมรรถนะที่กำลังดีขับสนุกเพียงพอต่อการใช้งาน ระยะทางที่วิ่งได้ราว ๆ 400 - 500 กม. นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตสบาย ๆ เลยครับ กรณีติดตั้งที่ชาร์จในบ้านยิ่งสบายเลยครับ
4 รุ่นย่อย ความคุ้มค่าที่แตกต่าง
MG4 ELECTRIC แบ่งขนาดของแบตเตอรี่เป็น 2 ขนาด คือ 49 kWh ในรุ่น D, X มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง และขนาด 64 kWh จะอยู่ในรุ่น V (ที่เพิ่มใหม่) แต่กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง รุ่นแรงพิเศษ Xpower AWD ใช้แบตเตอรี่ลูกใหญ่ 64 kWh เช่นกันมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด หน้า-หลัง กำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 KW) แรงบิด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ
เมื่อแบ่งรายละเอียดย่อยอีกทีนั้นก็จะมี 2 รุ่นใหม่ที่เพิ่มมา คือ V Long Range ซึ่งจะออปชั่นและระบบความปลอดภัยครบถ้วนที่สุด และ XPOWER AWD ที่เป็น "ตัวขิง" ประจำรุ่น ที่เน้นความสปอร์ตเป็นหลัก แม้ออปชั่นกับระบบความปลอดภัยครบถ้วนแต่ก็ยังมีบางอย่างหายไป เช่น ไม่มีหลังคาซันรูฟ และจอความบันเทิงขนาดเล็ก 10 นิ้ว เท่า MG4 รุ่นก่อนหน้านี้
เรื่องของระบบช่วงล่างของ MG4 ในทุกรุ่นย่อยนั้นมาพร้อมระบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง อิสระ 5 ลิงก์ (5-LINK SUSPENSION) ระบบเบรกหน้าจานเบรกขนาด 300 มม.พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังจานเบรก 300 มม. และในรุ่น XPOWER AWD จะขยายจานเบรกด้านหน้าเป็นขนาด 345 มม. หนา 30 มม. และด้านหลัง 340 มม. หนา 22 มม. เพื่อให้เหมาะสมกับความแรงที่เพิ่มขึ้น ส่วนขนาดล้ออัลลอยขยับเป็น 18 นิ้ว ยาง 235/45 (รวมถึงรุ่น V ด้วย) แตกต่างกับรุ่น D, X ที่ให้ล้ออัลลอยเดิมพร้อมฝาครอบขนาด 17 นิ้ว ยาง 215/50
เทียบสเปค 4 รุ่น
MG4 ELECTRIC ทั้งหมด 4 รุ่นย่อยมีรายละเอียดสเปคและฟังก์ชันแตกต่างกันพร้อมกับราคาส่วนต่างเฉลี่ย 80,000 ไปจนถึง 230,000 บาท หรือถ้าเทียบกับรุ่นเริ่มต้น D กับรุ่นแรงสุดคือ XPOWER ที่ส่วนต่างมากถึง 410,000 บาท ส่วนรุ่นไหนจะมีออปชั่นให้แค่ไหนอย่างไรมาดูกันเลยครับ
MG4 D Standard Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC ราคา 709,900 บาท
ภายนอก
ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวันและเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ไฟท้าย LED
กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
ใบปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ล้ออัลลอยพร้อมฝาครอบแบบ Aero Wheel Cover 17 นิ้ว ยาง 215/50 R17
ภายใน
สีดำ
เบาะผ้า
มือจับ
พวงมาลัยหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
เบาะปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
เบาะหลังพับ 60 : 40
จอมาตรวัด 7 นิ้ว
กลางระบบสัมผัส 12 นิ้ว ใหม่รองรับ ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod แบบไร้สาย
กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติ One Touch Up – Down ฝั่งคนขับ
กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือ
ปรับอากาศอัตโนมัติ
ระบบจ่ายไฟภายนอก V2L
ระบบความปลอดภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบเปิด – ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam Control)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
ระบบช่วยเตือนการชน FCW (Forward Collision Warning) และระบบช่วยเบรก AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลน
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
กล้องมองหลัง
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ความบันเทิง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
หน้าจอสีระบบสัมผัส 12 นิ้ว ใหม่รองรับ ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod แบบไร้สาย
มีให้เลือก 4 สี
FIZZY ORANGE
ARCTIC WHITE
ANDES GREY
BLACK KNIGHT
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 8-9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 161 กม./ชม.
MG4 X Standard Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC ราคา 809,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น D 100,000 บาท)
ภายนอก
ไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟ Position
สปอยเลอร์หลัง Twin Aero Wing
ภายใน
2-Tone เทา – ดำ
กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติ One Touch Up – Down 4 บาน
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
ระบบความปลอดภัย
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA / BSD / RCTA / RCTB / DOW / RCW)
กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
i-SMART*
มีให้เลือก 5 สี
FIZZY ORANGE / BLACK TOP
BRIGHTON BLUE / BLACK TOP
ARCTIC WHITE / BLACK TOP
ANDES GREY / BLACK TOP
BLACK KNIGHT / BLACK TOP
MG4 V Long Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 540 กม. NEDC ราคา 889,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น X 80,000 บาท)
ภายนอก
ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง 235 / 45 R18
ภายใน
2-Tone เทา – ดำ เบาะตกแต่งหนังสังเคราะห์
หมายเหตุ หลัก ๆ แตกต่างกันที่ความจุแบตเตอรี่และระยะทางที่วิ่งได้มากขึ้น
MG4 XPOWER AWD มอเตอร์กำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 KW) กับแรงบิด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กม. NEDC ราคา 1,119,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น V 230,000 บาท)
ภายนอก
คาลิปเปอร์ XPOWER สีส้ม
สี WILD HUNTER GREEN / BLACK TOP (มีสีเดียว)
ภายใน
สีดำเบาะตกแต่งหนัง Alcantara
ความบันเทิง
หน้าจอสีระบบสัมผัส 10 นิ้ว
ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod (ใช้สายเสียบ)
ความปลอดภัย
ระบบ One Pedal
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัด 200 กม./ชม.
*ระบบปฏิบัติการ i-SMART
SMART CHECK (ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ)
ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor
ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมายและบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ
SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)
กุญแจดิจิทัล
ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan และตั้งค่าการเดินทางแบบ Team Travel
ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน
ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน
SMART CONNECT (ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ)
ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
อัปเกรดระบบผ่านออนไลน์
ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
อัปเดตข้อมูลพยากรณ์อากาศ
รุ่นย่อยไหนเหมาะกับใคร
MG4 มีรุ่นย่อย สมรรถนะ ออปชั่นและราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นกับความต้องการใช้งาน งบประมาณและความพึงพอใจ ส่วนใครที่ยังเลือกไม่ถูกไม่รู้จะใช้รุ่นไหนให้เหมาะสมกับการใช้งานลองพิจารณาดูตามนี้กันก่อนครับ
MG4 D Standard Range ราคา 709,900 บาท สำหรับผู้ที่งบประมาณไม่สูงมาก ไม่เป็นภาระในการผ่อนเกินไปและต้องการรถยนต์ไฟฟ้าไว้ใช้งานโดยไม่เน้นออปชั่นหรือระบบอะไรที่มากเกินไป สำหรับรุ่นนี้นับว่าคุ้มค่ามาก ได้รถที่มีสมรรถนะ 170 แรงม้า กับระยะทางเมื่อใช้งานจริงจะวิ่งได้เฉลี่ย 350 - 380 กม./ชาร์จ นับว่าเพียงพอแล้ว หรือคนที่ต้องการรถยนต์ไฟ้ฟ้าในราคาต่ำหน่อย แต่ยังได้สมรรถนะที่โดดเด่นไม่แพ้รถไฟฟ้าระดับเดียวกัน รุ่น D นับว่าจ่ายในราคาที่คุ้มค่าแล้ว
MG4 X Standard Range ราคา 809,900 บาท สำหรับผู้ต้องการใช้งานระบบแบบครบ ๆ และการตกแต่งเพิ่มเติมทั้งคัน ประกอบกับการใช้งานระยะทางต่อวันไม่เยอะมากนัก และมีความพร้อมในการเพิ่มเงินอีก 1 แสนบาท ก็จะได้ชิ้นส่วนที่ตกแต่งเพิ่มเติมและระบบความปลอดภัย ADAS ครบทุกฟังก์ชั่น และได้กล้องมองรอบคันมาด้วย นับเป้นรุ่นที่ได้ของครบ ๆ กับราคาที่เกิน 8 แสนมาไม่มากนัก
MG4 V Long Range ราคา 889,900 บาท รุ่นนี้ยอมรับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเดียวในประเทศไทย ณ ปัจจุบันที่ให้ขนาดความจุแบตเตอรี่ใหญ่พร้อมระยะทางวิ่งได้ไกลสุดถึง 540 กม. ที่ราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท แถมยังไม่ข้าม 9 แสนด้วยซ้ำ จึงนับเป็นรถที่เหมาะกับผู้ต้องการทั้งฟังก์ชั่นแบบครบถ้วนและระยะทางการใช้งานที่เผื่อเหลือเผื่อขาดได้ดีมาก ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้แบตฯ กับระยะวิ่งเท่ากันนี้ส่วนมากราคาก็มักจะแตะ 1 ล้านขึ้นไป ดังนั้น รุ่น V จึงนับเป็นรุ่นที่คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายมากที่สุดและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างชิว ๆ
MG4 XPOWER AWD ราคา 1,119,900 บาท เหมาะกับเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบความแรงระดับ 400 ม้า แถมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในราคาเอื้อมถึง ไม่สนการใช้งานของออปชั่นมากเท่ากับความสนุกในการขับขี่ และยังมีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ แบบจัดเต็มไม่ตัดทิ้งอีกด้วย นับว่าเป็นรถระดับ Performance ที่ราคาต่ำมากที่ในไทยสุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับเดียวกันที่มีกำลังขนาดนี้
สรุปว่า MG4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีรุ่นย่อยช่วยรองรับกลุ่มความต้องการหลายระดับ แต่ไม่ใช่ว่า MG4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุด แต่นับเป็นรุ่นที่กระแสดีและที่ผ่านมาก็ขายดิบขายดีมาก จนล่าสุดเป็นรุ่นประกอบไทยพร้อมเพิ่มรุ่นทั้งแบตฯ ใหญ่สะใจ และตัวแรงจัดมาให้ ซึ่งหากเทียบกับราคาแล้ว MG4 ELECTRIC จึงน่าสนใจไม่น้อยไปกว่ารุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันครับ และอย่ารีบตัดสินในซื้อจนกว่าจะได้ไป "ทดลองขับจับและสัมผัสรถด้วยตัวเอง" เพื่อให้ได้รถที่เหมาะกับตัวคุณเองมากที่สุดได้ที่โชว์รูม MG ทั่วประเทศ