ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด > โพสขายออนไลน์ฟรี
เลือกวิธีจัดฟันเด็กให้เหมาะกับฟันของลูก
(1/1)
			siritidaphon:
			
			เลือกวิธีจัดฟันเด็กให้เหมาะกับฟันของลูก
การเลือกวิธีการจัดฟันที่เหมาะสมสำหรับลูกนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนค่ะ เพราะการจัดฟันในเด็กมักเรียกว่า "การจัดฟันเพื่อแก้ไขเบื้องต้น (Interceptive Treatment)" หรือ "การจัดฟันระยะที่ 1 (Phase 1 Orthodontics)" ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือการ แก้ไขปัญหาขากรรไกร และ สร้างพื้นที่ให้ฟันแท้ ขึ้นอย่างเหมาะสม ก่อนที่เด็กจะเข้าสู่วัยรุ่น
การตัดสินใจสุดท้ายควรมาจาก ทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทางเด็ก หลังจากการตรวจประเมินอย่างละเอียด แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำความเข้าใจทางเลือกและปัจจัยต่าง ๆ ได้ดังนี้ค่ะ
1. ช่วงอายุและวัตถุประสงค์ของการจัดฟันเด็ก
การจัดฟันในเด็กแบ่งได้เป็น 2 ระยะหลัก:
ระยะการจัดฟัน                                     ช่วงอายุโดยประมาณ                                                         จุดประสงค์หลัก
ระยะที่ 1 (Phase 1 / Interceptive)    6 – 10 ปี (ช่วงมีฟันผสม: ฟันน้ำนมและฟันแท้ปนกัน)    แก้ไขปัญหาโครงสร้างขากรรไกร (เช่น คางยื่น, ฟันบนยื่น) สร้างพื้นที่ให้ฟันแท้ขึ้นได้ดีขึ้น และลดความรุนแรงของปัญหาในอนาคต
ระยะที่ 2 (Phase 2 / Comprehensive)       12 ปีขึ้นไป (ช่วงมีฟันแท้ขึ้นครบ)               จัดเรียงฟันแท้ทั้งหมดให้สบกันอย่างสมบูรณ์
2. ประเภทเครื่องมือจัดฟันสำหรับเด็ก
เครื่องมือที่ทันตแพทย์มักแนะนำสำหรับเด็ก มีหลายประเภท โดยการเลือกจะขึ้นอยู่กับปัญหา งบประมาณ และวินัยของเด็ก
ประเภทเครื่องมือ                                                                         ข้อดีสำหรับเด็ก                                           ข้อควรพิจารณา
1. เครื่องมือภายนอก (Headgear / Facemask)  ใช้ได้ผลดีเยี่ยมในการ ยับยั้ง/กระตุ้นการเจริญเติบโตของขากรรไกร แก้ไขปัญหาคางยื่น/ฟันยื่นตั้งแต่ต้น    ต้องใส่ตามเวลาที่กำหนด (เช่น ตอนนอน) อย่างเคร่งครัด สังเกตเห็นได้
2. เครื่องมือถอดได้ (Removable Appliances)   มักใช้ ขยายเพดานปาก หรือแก้ไขการสบฟันที่ไม่รุนแรง สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย    ต้องอาศัยความร่วมมือและวินัยในการใส่
3. จัดฟันโลหะ (Metal Braces)    ประสิทธิภาพสูง ในการดึงฟันและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ราคาประหยัดที่สุด    ทำความสะอาดยาก เสี่ยงฟันผุ/เหงือกอักเสบ ต้องระวังเรื่องอาหารแข็ง/เหนียว
4. จัดฟันใส (Invisalign First)    มองไม่เห็น สวมใส่สบาย ถอดออกได้ ทำให้ทานอาหารและทำความสะอาดฟันได้ง่าย  ราคาสูงกว่า ต้องถอดออกเวลารับประทานอาหาร และต้องใส่ตามเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
5. จัดฟันแบบดามอน (Damon)    เป็นระบบ Self-Ligating ไม่ต้องใช้ยางรัด ช่วยลดแรงเสียดทาน ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและเจ็บน้อยลง    มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโลหะแบบปกติ
3. ปัจจัยในการพิจารณาเลือกวิธีจัดฟัน
เมื่อปรึกษาทันตแพทย์ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วย:
ปัญหาของลูก: ปัญหาหลักคืออะไร? ถ้าเป็นปัญหาเกี่ยวกับขากรรไกร (เช่น ฟันล่างคร่อมฟันบน) อาจต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะ เช่น Headgear หรือเครื่องมือถอดได้ มากกว่าแค่การติดเครื่องมือจัดฟัน
ความร่วมมือและวินัยของลูก:
ถ้าลูกมีวินัยสูงและสามารถรับผิดชอบเครื่องมือเองได้ การจัดฟันใส (ถอดได้) อาจเป็นทางเลือกที่ดี
ถ้าลูกชอบลืมหรือทำของหาย การจัดฟันแบบติดแน่น (โลหะ/ดามอน) จะเหมาะสมกว่า
ความกังวลด้านภาพลักษณ์: หากเด็กกังวลเรื่องการถูกล้อเลียน หรือต้องการความมั่นใจ การจัดฟันใส (Invisalign First) หรือเซรามิก อาจช่วยได้
งบประมาณ: ค่าใช้จ่ายของการจัดฟันแต่ละแบบแตกต่างกันมาก การจัดฟันโลหะมักมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด
ข้อสรุปที่สำคัญที่สุด:
คุณพ่อคุณแม่ควร พาลูกไปพบทันตแพทย์จัดฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ (ประมาณ 6-7 ขวบ) เพื่อประเมินปัญหาในช่วงฟันผสม เพราะการแก้ไขปัญหาขากรรไกรในวัยเด็กที่กำลังเจริญเติบโต จะช่วยให้ปัญหาไม่ลุกลาม และทำให้การจัดฟันในระยะที่ 2 (เมื่อโตขึ้น) ง่าย รวดเร็ว และมีโอกาสถอนฟันน้อยลงค่ะ
		
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
Go to full version