แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 63
31
Mitsubishi L200 Triton Sport 2018 HPE-S ใหม่ (หรือ Mitsubishi Triton ในบ้านเรา) มีภาพหลุดปรากฏออกมาจากเว็บไซต์มิตซูบิชิประเทศบราซิล เผยดีไซน์ต่างจากเวอร์ชั่นไทย

     
Mitsubishi L200 Triton Sport 2018 พร้อมชื่อต่อท้าย "HPE-S" เป็นรุ่นท็อปสุดในไลน์ L200 Triton ของประเทศบราซิล ซึ่งภาพหลุดดังกล่าวเผยให้เห็นดีไซน์กระจังหน้าแนวยาวต่างจากเวอร์ชั่นไทย พร้อมล้ออัลลอย 6 ก้านคู่ ขนาด 17 นิ้ว ซึ่งไม่เคยเห็นในบ้านเรา โดยรุ่น HPE-S ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มเติม เช่น ไฟหน้าซีนอน, ระบบนำทาง, กุญแจ KOS และถุงลมนิรภัยรอบคัน เป็นต้น


Mitsubishi L200 Triton Sport 2018 HPE-S ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select II

     
ส่วนบ้านเราไม่มีแผนนำดีไซน์นี้มาทำตลาดแต่อย่างใด


ออล นิว ไทรทัน: Mitsubishi Triton 2018 เวอร์ชั่นบราซิลใหม่ ปรับดีไซน์ต่างจากไทย อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/mitsubishi/triton/

32

มะเร็งเยื่อบุมดลูก เป็นมะเร็งที่พบได้น้อยกว่ามะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ มักตรวจพบโรคในระยะแรก ๆ และได้รับการดูแลรักษาได้ผลดี เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดตั้งแต่เป็นมะเร็งระยะแรก

พบมากในช่วงอายุ 40-60 ปี

สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับความไม่สมดุลของฮอร์โมนทำให้มีระดับเอสโทรเจนสูง

พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การมีกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติ
    การมีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี
    ภาวะไม่มีบุตร หรือมีบุตรเมื่ออายุมาก
    ภาวะอ้วน หรือเป็นเบาหวาน
    การบริโภคไขมันสัตว์มาก
    การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ (เช่น กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ชนิดหลายถุง)
    การได้รับฮอร์โมนทดแทนในวัยหมดประจำเดือนด้วยเอสโทรเจนล้วน ๆ (ไม่มีโพรเจสเทอโรนผสม) เป็นเวลานาน
    เคยได้รับการฉายรังสีบริเวณเชิงกราน
    การใช้ยาต้านเอสโทรเจน (เช่น tamoxifen ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษามะเร็งเต้านม)
    อายุมาก (มักพบโรคนี้ในหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน)
    การมีประวัติโรคมะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว

อาการ

มักมีอาการมีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนานผิดปกติ มีของเหลวสีชมพูหรือสีขาวออกทางช่องคลอด หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน ปวดท้องน้อย

บางรายอาจมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะหรือร่วมเพศ น้ำหนักลด ซีดจากการเสียเลือด อาจคลำได้ก้อนที่บริเวณท้องน้อย


ภาวะแทรกซ้อน
อาจเกิดภาวะซีดเนื่องจากการมีเลือดออกเรื้อรังทางช่องคลอด

หากปล่อยปละละเลยมะเร็งอาจลุกลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก ช่องคลอด ท่อรังไข่ รังไข่ และแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่อวัยวะอื่น ๆ (เช่น ปอด ตับ กระดูก) ทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป เช่น ขับถ่ายลำบาก ถ่ายเป็นเลือด เจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะหรือร่วมเพศ ปวดท้อง ท้องมาน เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ปวดกระดูก ปวดหลัง น้ำหนักลด ตัวเหลืองตาเหลือง เป็นต้น


การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการตรวจเซลล์มะเร็งที่เก็บจากช่องคลอดจากการขูดมดลูก หรือใช้กล้องส่องตรวจโพรงมดลูก (hysteroscopy) แล้วตัดเยื่อบุมดลูกนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์,เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด


การรักษาโดยแพทย์
แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูกพร้อมทั้งรังไข่และท่อนำรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง

ในรายที่มดลูกโตขนาดเท่าครรภ์ 8 สัปดาห์ อาจทำการฉายรังสีหรือใส่แร่เรเดียมก่อนผ่าตัด

ในรายที่มะเร็งแพร่กระจายออกจากช่องเชิงกราน อาจต้องให้เคมีบำบัด และ/หรือฮอร์โมนบำบัด (เช่น โพรเจสเทอโรนสังเคราะห์)

ผลการรักษา มักจะได้ผลดี เนื่องจากผู้ป่วยมักมีอาการเลือดออกตั้งแต่เป็นมะเร็งระยะแรก จึงทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ได้เร็วและได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ร้อยละ 75-90


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการมีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนานผิดปกติ มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน ปวดท้องน้อย มีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะหรือร่วมเพศ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก  กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดมะเร็งเยื่อบุมดลูกที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้ด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    ถ้าจำเป็นต้องให้ฮอร์โมนทดแทนในวัยหมดประจำเดือน ควรให้ฮอร์โมนผสมเอสโทรเจนกับโพรเจสเทอโรน ไม่ควรให้เอสโทรเจนเพียงอย่างเดียว เพราะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเยื่อบุมดลูก
    การกินยาเม็ดคุมกำเนิดช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ในช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน แต่เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงหลายอย่าง หากต้องการกินยานี้เพื่อป้องกันมะเร็งเยื่อบุมดลูก ควรปรึกษาแพทย์
    ออกกำลังกายเป็นประจำ
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ลดการบริโภคไขมันสัตว์

ข้อแนะนำ

1. ผู้หญิงที่มีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนานผิดปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด พึงอย่าชะล่าใจว่าไม่เป็นไร

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี



โรคมะเร็งเยื่อบุมดลูก (Endometrial cancer) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/109

33
ในเรื่องอของการเริ่มต้นกิจวัตรประจำวันในการทำความสะอาดช่องปากของลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้ปกครองควรเริ่มต้นแปรงฟันทันทีเมื่อฟันน้ำนมซี่แรกปรากฏขึ้น โดยใช้แปรงสีฟันที่เหมาะสมต่อช่วงอายุ การดูแลอนามัยช่องปากของลูกก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน หลังจากฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น การแปรงฟันในตอนเช้าและก่อนนอน ถ้าเป็นไปได้ควรแปรงฟันหลังมื้ออาหารด้วย ควรใช้แปรงสีฟันเฉพาะสำหรับเด็กที่มีหัวแปรงขนาดเล็กและขนนุ่มพิเศษ ก่อนที่ฟันจะขึ้นคุณแม่ควรใช้ผ้านุ่มๆเช็ดทำความสะอาดเหงือกถึงแม้ว่าน้ำลายเป็นสิ่งปกป้องฟันตามธรรมชาติ จะมีการผลิตลดลงในช่วงเวลานอนหลับ จึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องการการดูแลอนามัยช่องปากมากที่สุด


ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรใส่ใจในเรื่องของช่องปากของลูก ตั้งแต่การเลือกใช้ยาสีฟันที่เหมาะสมกับลูกเนื่องจากมีความเสี่ยงที่ลูกของคุณจะกลืนยาสีฟันได้  ฟลูออไรด์จากยาสีฟันที่อยู่ในน้ำลายมีความสำคัญมากในการป้องกันฟันผุ ควรบีบยาสีฟันบางๆ และสอนให้เขารู้จักการทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้ป้องกันการเกิดฟันผุหรือปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แน่นอนว่า ถ้าหากเราละเลยในการเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน อาจจะทำให้เด็กไม่สนใจในเรื่องของช่องปากและฟัน และอาจจะมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ นอกจากนี้  ในเรื่องของการรับประทานอาหารของลูกก็มีความสำคัญมากไม่แพ้กัน ควรให้เด็กรับประทานอาหารที่ถูกสัดส่วน จำกัดปริมาณแป้งและน้ำตาลซึ่งจะสร้างกรดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ หากต้องรับประมานอาหารเหล่านั้น ควรรับประทานไปพร้อมกับมื้ออาหารหลัก แทนที่จะเป็นอาหารว่าง เนื่องจากน้ำลายที่ถูกผลิตออกมาในปริมาณมากช่วงมื้ออาหารหลักจะช่วยชะล้างการตกค้างของเศษอาหารได้มากกว่า เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยให้บุตรหลานของท่านไม่ต้องมีปัญหาในเรื่องของช่องปากและฟัน


แต่ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน และคิดว่าลูกจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ามาพบทันตแพทย์จัดฟันได้ แต่การที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะตัดสินใจให้ลูกเข้ารับการจัดฟัน หลายคนก็คิดหนักและเกิดความสงสัยว่า ถ้าหากพาลูกเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว พอโตมาลูกจะต้องเข้ารับการจัดฟันอีกหรือไม่ ซึ่งวันนี้ทางคลินิกของเรามีคำตอบ ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กก่อนว่า สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างหลากหลาย และเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพมาก


หากเราปฏิบัติตัวตำคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดแน่นอนว่า ฟันสวยของเราจะอยู่กับเราอย่างถาวรแน่นอน  สำหรับการที่เด็กเคยผ่านการจัดฟันในเด็กมาแล้ว เพื่อโตเป็นผู้ใหญ่อาจจะต้องจัดฟันใหม่หรืออาจจะไม่ต้องเข้ารับการจัดฟันอีกครั้งก็ได้ สำหรับเด็กที่จัดฟันใน ระยะการจัดฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ความผิดปกติมีมากขึ้นหรือแก้ไขความผิดปกติบางอย่างให้มีน้อยลงหรือหายไป มาก่อน ไม่ได้หมายความว่า โตขึ้นแล้วไม่จำเป็นจะต้องจัดฟันแบบติดแน่น เพราะในเด็กบางราย อาจสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องจัดฟันอีกตอนโต ในขณะที่บางรายก็จำเป็นที่ต้องรับการรักษาจัดฟันแบบติดแน่นอีกครั้ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก และพฤติกรรมของเด็กด้วย เพราะฉะนั้น เราจะต้องดูแลสุขภาพช่องปากและฟันของเราให้สะอาดอยู่เสมอ ควรใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน จะเป็นการขจัดเชื้อโรคไป


ด้วย แล้วจึงแปรงฟันด้วยแปรงขนนุ่ม โดยเลือกขนาดของแปรงให้เหมาะกับช่องปากและฟัน สำหรับยาสีฟันควรมีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และแนะนำให้แปรงแห้งคือ บ้วนปาก บีบยาสีฟันแล้วแปรง บ้วนยาสีฟันส่วนเกินออก หลังแปรงไม่ต้องบ้วนปากอีก ก็จะทำให้เด็กมีช่องปากและฟันที่แข็งแรงได้

อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้องมากที่สุด จึงมั่นใจได้ว่า หากเข้ารับกบริการจากทางคลินิกลูกของคุณจะมีฟันที่สวยงาม มีสุขภาพช่องปากและหันที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน



เมื่อจัดฟันเด็กแล้ว โตขึ้นต้องจัดฟันอีกหรือไม่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

34
เดอะ มิกซ์ ฮิลไซด์ บ่อวิน (The Mix Hillside Bo Win)
ราคา : เริ่มต้น 1,800,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)

จุดเด่น
Happiness is Simplicity เพราะความสุขที่แท้จริงนั้นเรียบง่าย The Mix Hillside บ้านสไตล์ Minimal Homey สัมผัสความอบอุ่น และความสุขแสนเรียบง่าย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ ขยายทุกความสุข ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเต็มรูปแบบ ทำเลศักยภาพ ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย ใกล้แหล่งงาน นิคมอุตสาหกรรม เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ : เดอะ มิกซ์ ฮิลไซด์ บ่อวิน (The Mix Hillside Bo Win)
ดูบ้านราคาใกล้เคียง  ดู เอสเตทครีเอชั่น ทุกโครงการ 
เจ้าของโครงการ : เอสเตทครีเอชั่น
ราคา : เริ่มต้น 1,800,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
 
ประเภทบ้าน : ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
ลักษณะทำเล : บ้านพักตากอากาศ, บ้านลักษณะทำเลอื่น
พื้นที่โครงการ : 24 ไร่ 1 งาน 36.80 ตร.ว.
จำนวนบ้าน : 253 หลัง
แบบบ้านทั้งหมด : 2 แบบ
เนื้อที่บ้าน : ตั้งแต่ 19.3 ถึง 41.7 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย : ตั้งแต่ 126.0 ถึง 145.0 ตร.ม.
จำนวนชั้น : 2 ชั้น
หน้ากว้าง : โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
จำนวนห้องนอน : 3 ห้อง
จำนวนที่จอดรถ : 2 คัน
สาธารณูปโภค : สวนสาธารณะ, รปภ., CCTV, Keycard System, สนามเด็กเล่น
ขนส่งสาธารณะ : ใกล้ถนนสายหลัก (ถนน 331)

สถานที่สำคัญใกล้เคียง :

ไลฟ์สไตล์

โลตัส บ่อวิน 2.6 กม.
แม็คโคร บ่อวิน 2.6 กม.
ตลาดสะพานสี่ 6.0 กม.
โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ 5.5 กม.
บิ๊กซี 3.0 กม.

สถานศึกษา

โรงเรียนสวนกุหลาบ 1.0 กม.
โรงเรียน มารีวิทย์ 4.5 กม.
โรงพยาบาล

โรงพยาบาลอมตะเวชกรรม 3.0 กม.
โรงพยาบาลปิยะเวชช์ บ่อวิน 9.0 กม.
คลินิค พญาไท 4.0 กม.

 
โซน : ชลบุรี
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 7 ตำบลบ่อวิน อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี


townhome เดอะ มิกซ์ ฮิลไซด์ บ่อวิน (The Mix Hillside Bo Win) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

35
การลดน้ำหนัก ถือเป็นการดูแลสุขภาพอย่างหนึ่ง ซึ่งดีต่อสุขภาพสำหรับผู้ที่ต้องการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง รวมไปถึงกลุ่มสาวๆที่อยากมีหุ่นและรูปร่าง สัดส่วนที่สวยงาม การรับประทานอาหารสุขภาพไปพร้อมกับอาหารในแต่ละมื้อ จะสามารถช่วยให้ร่างกายของเราเผาผลาญแคลอรี่ได้มากยิ่งขึ้น รู้สึกอิ่มนานมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวอีกด้วย น้ำหนักตัวของเรานั้น ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก หากใครที่กำลังหาวิธีการลดน้ำหนักและมักจะใช้วิธีการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีไขมัน เพราะไขมันส่งผลให้เกิดภาวะต่างๆได้ ทั้งนี้ ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มมากขึ้นและการรับประทานอาหารที่ไร้ไขมันชนิดที่ดีที่สุด เราจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหน ซึ่งอาหารที่ไร้ไขมันหลายคนคงสงสัยว่า คืออาหารประเภทไหน


ทางจะมาแนะนำในวันนี้เป็นอาหารที่ปราศจากไขมันโดยธรรมชาติ ซึ่งจะไม่พูดถึงอาหารที่ผ่านกรรมวิธีหรือการปรุงที่ทำให้ไร้ไขมัน เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะส่งผลเสียต่อการลดน้ำหนักและบางครั้งจะแทนที่ไขมันที่เอาออกไปด้วยน้ำตาล ซึ่งนั่นทำให้พลังงานที่คำนวณได้อย่างมีค่าเท่านั่นเอง และยังส่งผลให้ปริมาณการรับประทานน้ำตาลของเราเพิ่มมากขึ้น อาหารหลายประเภทที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ประกอบไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร แต่ให้พลังงานไม่มากจนเกินไป ซึ่งดีต่อการลดน้ำหนักและอาหารอีกประเภทหนึ่งคืออาหารที่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหารมากนัก แต่ทำให้เรารู้สึกอยากรับประทานขนมหวานได้น้อยลง แต่ให้พลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นมั้ยว่าวิธีการกับรับประทานอาหารที่ถูกต้องหรือการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ จะส่งผลให้เรามีน้ำหนักตัวที่พอดีไม่อ้วน ไม่ผอม จนเกินไป นั่นคือ วิธีการป้องกันการเกิดความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้


สำหรับอาหารไร้ไขมันที่ดีต่อการลดน้ำหนัก ได้แก่ อาหารกระป๋อง เพราะอาหารกระป๋องบางชนิดก็ส่งผลดีต้องการควบคุมน้ำหนัก โดยทั่วไปแล้วอาหารกระป๋องจะเก็บไว้ได้นานกว่ามีความสะดวกกว่า แต่ถ้าหากเรามีความจำเป็นจะต้องควบคุมปริมาณเกลือที่ได้รับควรตรวจสอบอ่านฉลากข้างกระป๋องก่อนซื้อมาบริโภค เพราะอาหารกระป๋องประเภทถั่วและซุปมักจะมีเกลือเป็นส่วนประกอบในปริมาณที่มาก โดยอาหารกระป๋องที่ไร้ไขมันได้แก่ ถั่วขาว ข้าวโพดกระป๋อง ผลไม้กระป๋องที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำเชื่อม ถั่วบดที่ไม่ผสมน้ำมัน ซุปใส่กระป๋องแต่ควรหลีกเลี่ยงเป็นซุปครีม ต่อมาคือ ผลิตภัณฑ์จากนม ให้เราเลือกรับประทานแบบไร้ไขมัน แต่ก็ให้ระมัดระวังในเรื่องของปริมาณน้ำตาล เพราะผลิตภัณฑ์แบบไร้ไขมัน มักจะมีปริมาณน้ำตาลมากกว่าปกติ เพื่อทำให้มีรสชาติที่ดีขึ้นนั่นเอง ได้แก่ กรีกโยเกิร์ตไร้ไขมัน นมไร้ไขมัน ชีสไขมันต่ำ ครีมชีสชนิดไขมันต่ำหรือไร้ไขมัน ต่อมาคือประเภทเครื่องปรุง หากเราสามารถรับประทานอาหารได้โดยไม่ปรุงนั้นถือว่ามีผลดีต่อการลดน้ำหนักและสุขภาพของเราซึ่งจะส่งผลดีและเห็นได้ชัด


หลายคนที่ปรุงอาหารเพื่อเป็นการเพิ่มพลังงานที่จะได้รับโดยไม่เปลี่ยนแปลงรสชาติมากนัก หากเลือกที่จะปรุงอาหารก็ควรเลือกใช้ชนิดที่ไม่มีไขมัน เช่น มายองเนสชนิดไขมันต่ำ สลัดซัลซ่า น้ำส้มสายชู ซีอิ๊ว น้ำสลัดไขมันต่ำหรือไรไขมัน ซอสมะเขือเทศ ต่อมาคือ ขนมปังและธัญพืช ถือว่าเป็นอาหารที่ไร้ไขมันที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะขนมปังมีเส้นใยอาหารสูง ส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย ถึงแม้ว่าจะประกอบไปด้วยไขมันอยู่บ้างแต่เราควรเลือกชนิดที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ขนมปังธัญพืชชนิดน้ำตาลน้อย ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง และอาหารประเภทโปรตีนชนิดไขมันต่ำ เราควรเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ถือว่าเป็นอาหารสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะประกอบด้วยไขมันในปริมาณที่น้อยและมีคุณค่าทางอาหารสูง ได้แก่ อกไก่ไม่ติดหนัง ไก่ย่างแช่แข็ง ไข่ ปลาและอาหารทะเล ถั่วอัลมอนด์ และถ้าหากอยากรับประทานขนมก็มีขนมไขมันต่ำแต่ทางที่ดีที่สุดคือเราควรหลีกเลี่ยงขนม เพราะในขนมมีส่วนผสมของน้ำตาลมาก แต่บางชนิดก็มีไขมันในปริมาณน้อยหรือไร้ไขมันไปเลย เช่น ลูกอมชนิดแข็ง หมากฝรั่ง ธัญพืชแท่งชนิดไขมันต่ำไอศครีมแท่งชนิดแข็งมันต่ำ น้ำแข็งใสผลไม้ ทั้งหมดนี้ก็เป็นอาหารที่ไร้ไขมันที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนัก


สำหรับการเลือกรับประทานอาหารที่ปราศจากไขมันและอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะส่งผลให้เรามีสุขภาพที่ดี โดยเราอาจจะสามารถจัดการกับการเตรียมอาหารและความหิวได้เป็นอย่างดี เลยทีเดียว อาหารที่ดีต่อสุขภาพหรืออาหารที่ไร้ไขมันจะมีคุณค่าทางอาหารสูงและมีสารต้านทานอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยให้เรามีน้ำหนักตัวที่ลดลงรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น แถมยังให้พลังงานสูงนอกเหนือจากนี้ ยังเต็มไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกายช่วยป้องกันโรคได้หลากหลายชนิด และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ แต่การรับประทานอาหารทีไรไขมันส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายคือการลดน้ำหนัก รวมไปถึงในกลุ่มคนรักสุขภาพก็อาจจะเล็งเห็นถึงปัญหาหรือผลกระทบที่ตามมาของการบริโภคไขมัน ดังนั้น จึงเลือกรับประทานอาหารที่ไร้ไขมันเพื่อให้ร่างกายของเราได้มีสุขภาพที่ดี ป้องกันการลดความเสี่ยงของการเกิดโรค


อย่างไรก็ตาม ทางเราอยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและที่สำคัญควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม รวมไปถึง ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านทานต่อโรคได้ ทั้งนี้ เราควรที่จะตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อตรวจสอบหรือทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เราได้เตรียมความพร้อมหรือเป็นแนวทางในการป้องกันการเกิดโรคได้



อาหารสุขภาพ อาหารไร้ไขมันที่ดีที่สุด สำหรับการลดน้ำหนัก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

36
หลายครั้งที่เราทำงานหนักติดต่อกันหลายๆ วัน หรือช่วงที่พักผ่อนไม่เพียงพอ จนทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนล้า ไม่มีแรง แม้จะนอนตลอดเวลา ก็ยังรู้สึกไม่สดชื่น หรือมีอาหารอ่อนเพลียตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะหนุ่มสาวในวัยทำงานที่อาจจะทำให้ร่างกายรู้สึกล้าได้ง่าย และอาจจะส่งผลทำให้ป่วยได้ง่าย ดังนั้น อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันนั้น

อาจเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยแก้อาการอ่อนล้าไม่มีแรงได้ หรือในกลุ่มผู้ป่วยที่เพิ่งฟื้นจากอาการเจ็บป่วย และอาจจะมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง หรือรู้สึกว่าร่างกายฟื้นตัวได้ช้า นั่นอาจเป็นเพราะว่าร่างกายขาดพลังงาน จึงส่งผลต่อกิจกรรมประจำวันของเรา โดยชนิดและปริมาณของอาหารที่เรารับประทานในแต่ละมื้อ ในแต่ละวัน มีบทบาทสำคัญมาก ๆ ต่อระดับพลังงานของเรา ดังนั้น วันนี้ทางเราจะมาแนะนำอาหารที่มีสารอาหารที่สามารถช่วยเพิ่มระดับพลังงานและช่วยทำให้ตื่นตัวและโฟกัสได้เต็มที่

 
 
ถ้าหากเราพูดถึงเรื่องอาหารที่ให้พลังงานสูง คงหนีไม่พ้นอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพราะแหล่งอาหารสำคัญที่ให้พลังงานและช่วยเสริมสร้าง ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเราควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย คือการรับประทานโปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมจึงถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าหากออกกำลังกายอย่างหนักก็ควรเพิ่มปริมาณของโปรตีนให้เหมาะสม และควรเลือกเนื้อสัตว์ประเภทไม่ติดมัน เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ หรือเนื้อแดงไม่ติดมัน เป็นต้น

นอกจากนี้ ไข่ไก่ ก็เป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูง อุดมไปด้วยวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้ปรับระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการผลิตพลังงานในร่างกาย ช่วยลดไขมัน ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย และยังมีส่วนประกอบของกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีโคลีนที่จำเป็นสำหรับสุขภาพสายตา ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย ต่อมาคือ ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ พิสตาชิโอ วอลนัต พีแคน บราซิลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไพน์นัต เป็นกลุ่มของถั่วเปลือกแข็งมีสารอาหารสูง ให้พลังงาน

โดยเฉพาะกลุ่มของไขมันที่ดีต่อสุขภาพมากๆ รวมไปถึง ถั่วเหลือง เป็นพืชที่สามารถนำมาต่อยอดเป็นอาหารได้หลายรูปแบบ เช่น แป้งถั่ว นมถั่วเหลือง หรือเต้าหู้ที่ นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน กรดอะมิโนจำเป็น แร่ธาตุ หรือโปรตีน ที่มีส่วนช่วยในเพิ่มพลังงาน สร้างกล้ามเนื้อ บำรุงร่างกาย ให้สามารถมีแรงมีกำลังทำในสิ่งต่าง ๆ ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ต่อมาคือ ข้าวกล้อง

ซึ่งเป็นข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี ทำให้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่มากกว่าข้าวขาว เช่น เส้นใย วิตามิน และแร่ธาตุ เพราะจำนวนเส้นใยที่มาก ให้น้ำตาลต่ำ จึงช่วยเพิ่มพลังงานได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก หรือน้ำตาลในเลือดสูง แถมยังช่วยรักษาระดับพลังงาน ทำให้รู้สึกอิ่มยาวนาน นอกจากนี้ ผลไม้อย่างกล้วย กล้วย ซึ่งเป็นผลไม้ที่หลายคนชื่นชอบและหารับประทานได้ง่าย ถ้าหากเราต้องการพลังงานแบบเร่งด่วน กล้วยถือว่าเป็นแหล่งพลังงานที่ดี

 
เพราะนอกจากจะหาซื้อได้ง่าย รับประทานง่าย ยังมีสารอาหารสำคัญต่อร่างกายหลายชนิด เช่น วิตามินบี 6 วิตามินซี แมงกานีส โพแทสเซียม และเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อย ดีต่อลำไส้ ดีต่อระบบขับถ่าย และยังช่วยเพิ่มการเผาผลาญอีกด้วย ต่อมา แอปเปิ้ล ผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารอาหารอย่างคาร์โบไฮเดรต ไฟเบอร์ และวิตามินที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ

แม้ว่าแอปเปิ้ลจะเป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานในช่วงควบคุมน้ำหนัก แต่ก็ให้พลังงานและวิตามินสูงแล้ว ยังช่วยให้อิ่มท้องได้นานด้วยไฟเบอร์ และเส้นใยอาหารจำนวนมากที่ช่วยชะลอการย่อยของคาร์โบไฮเดรตในร่างกายด้วย ซึ่งอาหารที่เรากล่าวมานั้น เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง เหมาะสำหรับคนที่รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หรือเหนื่อยล้าจากการทำงาน ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า หากหันมารับประทานอาหารเหล่านี้ ก็จะช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่นได้

 
ย่างไรก็ตาม เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย ควรดื่มน้ำให้มากๆ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น มีแรงที่จะสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย



บริการด้านอาหาร: อาหารที่กินแล้วมีแรงช่วยให้ตื่นตัว อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/catering-service/

37
อากาศเย็นรวดเร็ว ทำให้ร่างกายปรับสมดุลไม่ทัน หลายคนมีอาการป่วยเฉียบพลันและเรื้อรัง โดย "6 สมุนไพรไทย" เป็นตัวช่วยปรับสมดุลร่างกาย ให้พร้อมรับสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีติดบ้านไว้ใช้ได้ทั้งแบบผสมในอาหาร แถมราคาไม่แพง

โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลถึงสมุนไพร ตัวช่วยปรับสมดุลช่วงหน้าหนาว ที่หลายคนมีอาการมือชา เท้าชา และสร้างภูมิคุ้มกันดังนี้

- พริก มีสารแคปไซซิน เป็นสารที่ให้ความเผ็ดร้อนให้ความอบอุ่น ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ช่วยให้อาการหนาวชาบริเวณปลายมือ ปลายเท้าลดลง พริกสามารถใส่ในเมนูอาหารได้หลากหลาย เพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน แต่พริกมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อกระเพาะอาหาร คนที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้วไม่ควรกินอาหารรสเผ็ดมาก


-ขิง มีฤทธิ์ร้อน ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ลดการเกิดไข้หวัด ตามตำราแพทย์พื้นฐาน มีการใช้ขิงทั้งสดและแห้ง แก้หวัด แก้ปวดหัว วิธีการรับประทาน สามารถนำขิงมารับประทานได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะนำไปชงดื่มเป็นชาร้อน เติมในอาหารที่รับประทาน รับประทานในวันที่อากาศหนาวๆ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายได้ทั้งสิ้น


- ข่า ช่วยแก้ไอ แก้หวัด ลดน้ำมูก หอบหืด เหมาะกินข่าในหน้าหนาว เพราะไม่เพียงแต่ช่วยคลายหนาว แต่ยังมีสรรพคุณบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล คนไทยกินข่าหลายรูปแบบ เช่น ใช้หัวข่าใส่ในต้มยำ ต้มข่า ต้มแซ่บ หรือใช้เป็นเครื่องเทศในเครื่องแกง น้ำพริกต่างๆ


- กะเพรา มีรสเผ็ดร้อนในตัว มีกลิ่นฉุนที่ดมแล้วโล่งไปทั้งจมูกและคอ หาง่าย ราคาถูก ทำได้ทั้งเมนูผัดกะเพรา ต้มยำ ต้มแซ่บ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายจากฤทธิ์ร้อน

- พริกไทย ช่วยย่อยอาหาร ขับเหงื่อ ทำให้ร่างกายอบอุ่น ตามตำราแพทย์ตะวันออก ช่วงที่อากาศหนาวควรใส่พริกไทย เพิ่มเติมในอาหาร ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น เพิ่มภูมิคุ้มกัน กินทั้งพริกไทยป่น หรือพริกไทยสด ถ้าเป็นพริกไทยป่นควรใช้ประมาณครึ่งช้อนชาต่อหนึ่งมื้ออาหาร ผสมลงไปในอาหารแต่ละมื้อ ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานต่อความหนาว เกิดความอบอุ่นภายในร่างกายให้หายหนาวสั่น แต่ไม่ควรรับประทานพริกไทยมากจนเกินไป อาจทำให้เป็นพิษต่อระบบของร่างกาย เมื่อกินในปริมาณมาก ติดต่อกันหลายวัน


-กระชาย เป็นสมุนไพรให้รสเผ็ดร้อน ทานไปแล้วสามารถทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเราสูงขึ้นได้ เหง้าของกระชายรักษาอาการแน่น จุกเสียด น้ำมันหอมระเหยในกระชายมีฤทธิ์ขับลม การรับประทานกระชาย ถือเป็นสมุนไพรอีกตัวเลือกหนึ่งที่หาไม่ยาก และนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งใช้เป็นเครื่องเทศ หรือเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหาร เช่น ผัดฉ่า แกงป่า.

กระชายสกัด: "6 สมุนไพร" ท้าลมหนาว ช่วยไหลเวียนเลือด ลดอาการชา ติดบ้านไว้ปรับสมดุล
 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

38
รู้แล้วยัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ของเรามีทีมงาน รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ดีมีมาตรฐาน ราคาไม่แพง เพื่อนๆที่สนใจลองโทรเข้ามาคุยกับเขาดู ทีมงานรถรับจ้างขนส่ง เจ้านี้ให้บริการรถกระบะรับจ้างที่คุณภาพจริงๆ ราคาถูกอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะต้องการ ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายหอพัก ขนย้ายสินค้าอุปโภคบริโภค ขนย้ายสินค้าทั่วไป ขนย้ายสินค้าวัตถุดิบทางการเกษตร วิ่งงานออกต่างจังหวัด ก็ลองเข้ามาใช้บริการรถรับจ้างเจ้านี้ดู เขามีให้บริการ รถกระบะรับจ้าง ด้วยกัน 2 แบบ


ซึ่งจะได้แก่ รถกระบะรับจ้างแบบตู้ทึบ เหมาะมากๆค่ะกับสภาพภูมิอากาศบ้านเราเพราะว่าจะป้องกันฝนได้เป็นอย่างดี ป้องกันฝุ่นไม่ให้เกาะสินค้าของเรา และไม่ต้องกังวลเรื่องของจะตกหล่นเสียหายระหว่างทาง กระบะตู้ทึบนี้ทำจากสแตนเลส อย่างดีมีมาตรฐาน ทุกงานขนย้ายคุณจึงไม่ต้องกังวลอีกต่อไปไม่ว่าคุณจะขนย้ายสินค้าที่คุณรัก ที่คุณห่วงขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายบ้านขนย้ายของทั่วไปก็เรียนเชิญใช้บริการเจ้านี้ดูนะคะส่วนอีกแบบนึงก็จะเป็น รถกระบะรับจ้างแบบคอกสูง ซึ่งจะเป็นโครงเหล็ก แล้วใช้ผ้าใบเป็นการคลุมปิด มิดชิดอีกทีนึง ซึ่งการขนย้ายแบบนี้ก็จะป้องกันฝนได้ 100% เช่นเดียวกัน แต่เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดที่แตกต่างกันไป บางครั้งอาจจะมีขนาดที่เลยสูงไปกว่าหลังคาแต่ไม่เกินที่กฎหมายกำหนด เช่นงานขนย้ายบ้านงานขนย้ายสินค้าทั่วไป สินค้าเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายวัตถุดิบทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งก็จะใช้ผ้าใบเป็นการคลุมปิดมิดชิด ป้องกันฝนป้องกันฝุ่นได้เช่นเดียวกัน

รถกระบะรับจ้างที่นครศรีธรรมราช ของเรานั้น ให้บริการรับจ้างขนย้ายของมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี สามารถวิ่งงานรับจ้างขนของ ทั้งในเขตจังหวัดและวิ่งออกต่างจังหวัดไปทั่วประเทศไทย ไม่ว่าลูกค้าต้องการที่จะขนย้ายของไปที่ไหนก็สามารถติดต่อสอบถามบริการได้เลยทันที หากสนใจใช้บริการ รถขนของรับจ้างนครศรีธรรมราช สามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้ง่ายมากค่ะเพียงแค่ท่านเล่น facebook เล่นไลน์ เล่นทวิตเตอร์ หรืออาจจะกดเข้ามาฝากข้อความไว้ที่เว็บไซต์ก็ได้เช่นเดียวกันติดต่อง่ายๆสะดวกมากค่ะ แต่หากต้องการโทร ก็สามารถติดต่อที่สายด่วนได้เลยทันที เพราะท่านจะสามารถตรวจเช็คราคาค่าขนย้าย หรือต่อรองราคาค่าขนย้ายก็สามารถทำได้ไม่ต้องเกรงใจได้


รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดนครศรีธรรมราช บริการดีมีมาตรฐาน ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงในราคาถูก

หากเราต้องย้ายที่อยู่ ย้ายบ้าน ย้ายที่ทำงาน ทุกปัญหาในการขนย้ายของท่านจะหมดไป โดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปเมื่อลองมาใช้บริการขนส่งผู้นำด้านงานบริการ รถกระบะรับจ้างขนของทั่วไป เรามีมาตรฐาน เพื่อให้ท่านสบายใจได้ว่าในการขนย้ายสินค้ากับเรานั้นไม่ใช่เฉพาะมีเพียงแค่รถรับจ้างอย่างเดียว แต่เรายังมีให้บริการพนักงานยกสินค้าไว้บริการลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการกับเราซึ่งเป็น ค่าบริการคนยกแบบฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะบางครั้งจากประสบการณ์การทำงานของเราลูกค้ามีความกังวลมากในการขนย้ายนั่นก็คือ การยกของจากชั้นสูงๆ ลงมาข้างล่างเนื่องจากลูกค้าอาจจะมีคนเพียงแค่คนเดียวซึ่งไม่สามารถที่จะยกได้หรือยกของได้ด้วยตัวเอง จะจ้างคนยกจากข้างนอก จ้างคนขับรถวินมอเตอร์ไซค์ ก็มีความกังวลว่าสินค้าอาจจะแตกเสียหายหรือของหายก็เป็นไปได้ ซึ่งไม่คุ้มแน่ๆกับการขนยกสินค้าจากข้างนอกเพราะท่านก็ต้องมาปวดหัวกับเวลาลงของ ก็ต้องจ้างคนลงของอีกครั้ง แต่สำหรับทีมงาน รถกระบะขนของ ของเราจะมีพนักงานช่วยยกสินค้าทั้งขึ้นและลงจบในที่เดียว และที่สำคัญเด็กยกของเราทุกคน มีความชำนาญในการขนย้ายสินค้ามากเป็นพิเศษจัดเรียงสินค้าได้เป็นอย่างดีเป็นระเบียบไม่ทำให้ของและสินค้าของท่านขูดเป็นรอยหรือแตกเสียหายอย่างแน่นอน ท่านลองเข้ามาใช้บริการรถ กระบะรับจ้างขนย้ายของจังหวัดนครศรีธรรมราช กับลองดูท่านจะรู้เลยว่าท่านตัดสินใจ ถูกแล้ว ที่ไว้วางใจ รถรับจ้างของเรา เรามีจุดให้บริการรถกระบะรับจ้างในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชประจำในแต่ละจุดซึ่งมากมายซึ่งเราต้องการให้มีความครอบคลุมในด้านงานบริการทุกเขตพื้นที่ในตัวจังหวัดและต่างอำเภอเราจึงมีจุดจอดรถไว้คอยบริการท่านอย่างมากมายและมีรถหลายคันไว้คอยบริการท่านซึ่งได้แก่

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอ ขนอม

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอจุฬาภรณ์

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ(นครศรีธรรมราช)

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอฉวาง

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอช้างกลาง

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอชะอวด

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอ เชียรใหญ่

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอ  ถ้ำพรรณรา

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอท่าศาลา

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอทุ่งใหญ่

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอทุ่งสง

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอนบพิตำ

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอนาบอน

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอบางขัน

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอปากพนัง

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอพรหมคีรี

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอพระพรหม

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอพิปูน

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอร่อนพิบูลย์

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอลานสกา

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอสิชล

รถกระบะขนของ รถหกล้อ สิบล้อรับจ้างในอำเภอหัวไทร

อย่าลืมนะครับหากท่านแวะมาที่จังหวัดนครศรีธรรมราชหรือเป็นคนในพื้นที่หากต้องการที่จะ ขนย้ายของ ขนย้ายบ้านรับจ้างขนของทั่วไป เราต้องการที่จะเข้าไปบริการท่าน อย่างเต็มความสามารถ ลองไว้ใจให้ใช้บริการรถรับจ้างกับเราลองดูรับรองว่าท่านจะประทับใจเราอย่างแน่นอน สนใจเลือกใช้บริการ รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครศรีธรรมราช ของเรา จะย้ายของครั้งใดโทรหาเรานะครับเราพร้อมยินดีให้บริการท่านจริงๆ และต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ไว้วางใจเข้ามารับใช้ ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เราต้องขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง และเราจะดำเนินธุรกิจที่มีมาตรฐานคุณภาพดีราคาไม่แพงเช่นนี้เรื่อยไป เราสัญญาขอบคุณนะครับ


รถรับจ้างขนของเชียงใหม่ รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครศรีธรรมราช รับจ้างขนของทั่วไป ย้ายบ้าน  อ่านบทความเพิ่มเติมคลฺิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/category/105

39
ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ เป็นโรคปวดศีรษะข้างเดียวที่มีอาการปวดฉับพลันและรุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ เป็นช่วง ๆ ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายใด ๆ เป็นโรคที่พบได้ค่อนข้างน้อย (ในสหรัฐอเมริกาพบโรคนี้ประมาณ 1-4 คนในประชากร 1,000 คน) พบบ่อยในช่วงอายุ 20-50 ปี แต่ก็อาจเป็นตั้งแต่วัยรุ่นหรือตอนอายุ 50 ปีกว่าก็ได้

พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในปัจจุบันพบว่าผู้หญิงได้เป็นโรคนี้มากขึ้น เนื่องจากผู้หญิงมีการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมากขึ้น ประกอบกับการวินิจฉัยมีความแม่นยำขึ้น จากเดิมที่ผู้หญิงปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ถูกวินิจฉัยผิดว่าเป็นไมเกรน

ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่

    ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ชนิดครั้งคราว (epidemic cluster headache) ซึ่งพบเป็นส่วนใหญ่ มีอาการปวดนาน 1 สัปดาห์ถึง 1 ปี (ส่วนใหญ่ 2-12 สัปดาห์) และมีการเว้นช่วงที่ปลอดจากอาการนานอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปก่อนจะเป็นรอบใหม่
    ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ชนิดเรื้อรัง (chronic cluster headache) ซึ่งพบเป็นส่วนน้อย (ราวร้อยละ 20) มีอาการปวดติดต่อกันนานมากกว่าหนึ่งปีขึ้นไป โดยไม่มีการเว้นช่วงที่ปลอดจากอาการ หรือเว้นช่วงนานน้อยกว่า 3 เดือนก่อนจะเป็นรอบใหม่   

ทั้งสองชนิดนี้สามารถแปรเปลี่ยนไปมากันได้ ชนิดครั้งคราวอาจกลายมาเป็นชนิดเรื้อรัง หรือชนิดเรื้อรังกลายมาเป็นชนิดครั้งคราว

สาเหตุ

อาการของโรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือด (หลอดเลือดขยายตัว) และเซลล์ประสาทของประสาทสมองเส้นที่ 5 และระบบประสาทอัตโนมัติที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะบนใบหน้า

ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคนี้ยังไม่ทราบ เชื่อว่าลักษณะการเกิดอาการเป็นรอบเวลา และมักเป็นตอนกลางคืน อาจเกี่ยวกับการทำงานผิดปกติของสมองส่วนไฮโพทาลามัส ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมนาฬิกาชีวิต (biological clock) ภายในร่างกาย วงจรการนอนหลับ และอื่น ๆ (เช่น อุณหภูมิร่างกาย ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ การหลั่งสารฮอร์โมน การทำงานของระบบประสาท เป็นต้น)

พบว่า บางรายมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย ซึ่งเกี่ยวกับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์   

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าปกติ (ผู้ที่แพทย์วินิจฉัยเป็นโรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ มีประวัติสูบบุหรี่ถึงร้อยละ 85)

อาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์มักจะกำเริบจากการมีสาเหตุกระตุ้นที่สำคัญ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (แม้ปริมาณเพียงเล็กน้อย) การได้กลิ่นฉุน ๆ (เช่น กลิ่นสี กลิ่นทินเนอร์ กลิ่นน้ำมันเบนซิน กลิ่นน้ำหอม) การเจอความร้อน (เช่น อากาศร้อน การอยู่ในห้องที่ร้อนอบอ้าว การอาบน้ำร้อน) การออกกำลังกายมากเกิน หรือการทำงานจนร่างกายเหนื่อยล้า การใช้ยาไนโตรกลีเซอรีน (สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ)


อาการ

มีอาการปวดศีรษะข้างหนึ่ง เกิดขึ้นฉับพลันและรุนแรง เริ่มด้วยอาการปวดแสบปวดร้อนที่ข้างจมูกหรือหลังเบ้าตา และจะปวดแรงขึ้นภายในไม่กี่นาที จนรู้สึกปวดรุนแรงจนสุดจะทนได้ตรงบริเวณรอบกระบอกตา หลังเบ้าตา และขมับ อาจปวดร้าวไปที่ใบหน้า หน้าผาก ท้ายทอย ลำคอ ไหล่ จมูก เหงือกหรือฟันข้างเดียวกัน 

ผู้ป่วยจะมีอาการรู้สึกคล้ายถูกแท่งน้ำแข็งเสียบผ่านเข้าไปในลูกตา หรือเทน้ำกรดผ่านรูหูเข้าไปในศีรษะ หรือคล้ายลูกตาถูกดันให้หลุดออกจากเบ้า

มักจะปวดตอนกลางคืนหลังเข้านอน 1-2 ชั่วโมง จนสะดุ้งตื่น นอนไม่หลับ ผู้ป่วยจะลุกขึ้นเดินพล่าน ในรายที่ปวดรุนแรงมาก อาจจะร้องครวญคราง นั่งโยกตัวไปมา คลานบนพื้น กุมศีรษะหรือใช้มือกดตรงบริเวณที่ปวด  หรือศีรษะโขกกำแพงหรือของแข็ง

บางรายอาจปวดตอนกลางวัน ซึ่งมักมีความรุนแรงน้อยกว่าตอนกลางคืน

อาการปวดมักจะเป็นทุกวัน ส่วนใหญ่จะเป็นวันละหลายครั้ง (บางรายอาจปวดวันละครั้งหรือสองวันครั้ง หรืออาจปวดถี่มากสุดถึงวันละ 8 ครั้ง) มักมีอาการปวดตรงเวลาทุกวัน แต่ละครั้งปวดนานประมาณ 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง (ส่วนใหญ่ปวดอยู่นาน 30-90 นาที) แล้วจะหายปวดอย่างปลิดทิ้ง (แต่อาจรู้สึกอ่อนเพลียตามมา) เว้นช่วงเป็นชั่วโมง ๆ หรือเกือบวันจึงจะเริ่มปวดครั้งใหม่

อาการแต่ละรอบจะเป็นทุกวัน (หรือวันเว้นวัน) ส่วนใหญ่จะเป็นอยู่นานต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ แล้วหายเป็นปกติไปเอง มักมีช่วงที่ไม่มีอาการอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป อาจนานเป็นแรมเดือนแรมปีจึงจะกำเริบรอบใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็น 1-2 รอบต่อปี เป็นวงรอบแบบนี้เรื่อยไป ซึ่งมักมีอาการกำเริบตรงฤดูกาลหรือตรงเดือน (เช่น เดือนตุลาคม) ของทุกปี ในแต่ละรอบที่กำเริบผู้ป่วยจะปวดอยู่ข้างเดิมทุกครั้ง ส่วนในรอบใหม่อาจเปลี่ยนไปปวดอีกข้างก็ได้ แต่ก็พบได้เป็นส่วนน้อย

ขณะที่มีอาการปวดศีรษะ ผู้ป่วยมักจะมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างร่วมด้วย ได้แก่   

    ตาข้างเดียวกับที่ปวดมีอาการตาแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม หนังตาตก หรือรูม่านตาหดเล็ก 
    รูจมูกข้างที่ปวดมีอาการคัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
    ใบหน้าข้างที่ปวดออกซีดหรือแดงกว่าปกติ
    ใบหน้าและหน้าผากข้างที่ปวดมีเหงื่อออก

ส่วนน้อยอาจมีอาการคลื่นไส้ ไวต่อแสง (กลัวแสง)คล้ายไมเกรนร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อน

โรคนี้ถึงแม้จะปวดรุนแรงและเรื้อรัง แต่ก็ไม่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หรือทำให้สมองพิการแต่อย่างใด นอกจากทำให้มีผลต่อจิตใจ (เช่น กังวล ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตาย) และคุณภาพชีวิต (เช่น เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจวัตรประจำวัน การออกสังคม)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกาย อาจตรวจพบตาข้างที่ปวดมีอาการตาแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม หนังตาตก หรือรูม่านตาหดเล็ก ใบหน้าหรือหน้าผากข้างที่ปวดมีเหงื่อออก รูจมูกข้างที่ปวดมีน้ำมูกไหล

อาจตรวจพบชีพจรเต้นช้า หน้าซีดหรือหน้าแดง เจ็บหนังศีรษะ

อาจพบว่าผู้ป่วยมีอาการกระสับกระส่าย เคลื่อนไหวไปมา ร้องครวญคราง ก้มศีรษะต่ำและใช้มือกดบริเวณที่ปวด

ในรายที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง สงสัยว่าอาจเกิดจากโรคทางสมอง เช่น เนื้องอกสมอง หลอดเลือดสมองโป่งพอง (aneurysm) เลือดออกในสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบ เป็นต้น ก็จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ตรวจเลือด เจาะหลัง (ตรวจน้ำไขสันหลัง) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ขณะที่มีอาการปวดกำเริบเฉียบพลัน ให้การรักษาเพื่อบรรเทาปวดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ให้ออกซิเจนบริสุทธิ์ (100%) โดยการใช้หน้ากากครอบจมูกและปาก ด้วยอัตรา 6-8 ลิตร/นาที ทันทีที่เริ่มปวด จะช่วยให้ทุเลาได้ภายใน 15 นาที เป็นวิธีที่ได้ผลดีและปลอดภัย
    ฉีดซูมาทริปแทน (sumatriptan) 6 มก. เข้าใต้ผิวหนัง หรือฉีดไดไฮโดรเออร์โกตามีน (dihydroergotamine) 1-2 มก. เข้ากล้ามหรือหลอดเลือดดำ ยา 2 ชนิดนี้มีฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดแดงตีบตัว ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด และไม่ควรใช้ยา 2 ชนิดนี้ร่วมกัน 
    ใช้ซอลมิทริปแทนชนิดพ่นเข้าจมูก (zolmitriptan nasal spray)
    บางรายแพทย์อาจจะใช้ยาชาชนิดพ่นเข้าจมูก (lidocaine nasal spray)

ในการรักษาโรคนี้ แพทย์จะใช้ยาฉีดหรือยาพ่นจมูก ไม่ใช้ยาแก้ปวดชนิดกิน เนื่องจากโรคนี้มีอาการปวดรุนแรงและเฉียบพลัน การกินยาแก้ปวดใช้ไม่ได้ผลเพราะออกฤทธิ์ช้า

2. ในรายที่มีอาการปวดทุกวัน แพทย์จะให้ยากินป้องกันไม่ให้ปวดซ้ำซาก ยาที่นิยมใช้เป็นตัวแรก ได้แก่ เวราพามิล (verapamil ซึ่งเป็นกลุ่มยาต้านแคลเซียม ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง) ข้อดีคือ ยานี้สามารถใช้ร่วมกับยาตัวอื่น และเหมาะกับการใช้กินป้องกันระยะยาวในผู้ที่มีอาการเรื้อรังนาน ๆ อาจมีผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก เท้าบวม ความดันโลหิตต่ำ

สำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งเป็น มีอาการปวดไม่บ่อยและมีช่วงปลอดจากอาการนาน แพทย์จะให้กินยาสเตียรอยด์ (เช่น ยาเม็ดเพร็ดนิโซโลน) ยานี้เหมาะสำหรับใช้ในช่วงสั้น ๆ เพราะหากใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจเกิดผลข้างเคียงมากมาย และอาจเป็นอันตรายได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้อกระจก ภูมิคุ้มกันต่ำ (ติดเชื้อง่ายและรุนแรง) บวม โรคคุชชิง เป็นต้น

ถ้าใช้ยาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์อาจให้กินลิเทียมคาร์บอเนต (lithium carbonate) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาโรคอารมณ์สองขั้ว เหมาะสำหรับการกินป้องกันระยะยาวในผู้ที่มีอาการเรื้อรังนาน ๆ อาจมีผลข้างเคียง เช่น กระหายน้ำ ท้องเดิน มือสั่น ไตเสื่อม เป็นต้น

บางรายแพทย์อาจให้ยารักษาโรคลมชัก เช่น โทพิราเมต (topiramate), ไดวาลโพรเอต (divalproate) เป็นต้น

บางรายแพทย์อาจใช้เวราพามิลร่วมกับลิเทียม ซึ่งช่วยให้ได้ผลมากขึ้น

นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้วิธีที่ไม่ใช้ยา เช่น การใช้อุปกรณ์ส่งกระแสไฟฟ้ากระตุ้นประสาทเวกัสผ่านทางผิวหนังที่บริเวณข้างคอ (vagus nerve stimulation/VNS), การฉีดยาชาระงับความรู้สึกที่ท้ายทอย (occipital nerve block ซึ่งมักใช้ร่วมกับการให้กินยาเวราพามิล)

3. ผู้ป่วยจำนวนน้อยที่แพทย์อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด มักเป็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรังที่ใช้ยาหรือรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ได้ผล หรือไม่สามารถใช้ยาได้ เนื่องจากมีผลข้างเคียงหรือข้อห้ามในการใช้ยา

การผ่าตัดมีอยู่หลายวิธี เช่น การใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุหรือรังสีแกมมาทำลายเส้นประสาทสมองเส้นที่ 5 (percutaneous radiofrequency ablation หรือ gamma knife radiosurgery), การผ่าตัดฝังขั้วไฟฟ้า (electrodes) กระตุ้นเส้นประสาทบริเวณท้ายทอย (occipital nerve stimulation) หรือปมประสาทสะฟีโนพาลาไทน์ (sphenopalatine ganglion stimulation), การผ่าตัดฝังขั้วไฟฟ้า (electrode) ไว้ในสมองส่วนไฮโพทาลามัส (deep brain stimulation) เป็นต้น

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดรุนแรงตรงบริเวณรอบและหลังเบ้าตา และใบหน้าซีกหนึ่ง หรือมีอาการปวดใบหน้าซีกหนึ่งร่วมกับมีอาการตาแดง น้ำตาไหล คัดจมูก น้ำมูกไหล หนังตาบวม หรือหนังตาตก โดยเป็นข้างเดียวกับใบหน้าที่ปวด หรือปวดตาและใบหน้าซีกเดียว ครั้งละประมาณ 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง ทุกวัน ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ ควรปฏิบัติ ดังนี้

    ใช้ยาและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
    หลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรหยุดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    หลังใช้ยาแล้วอาการไม่ทุเลา หรือกำเริบใหม่
    มีไข้ อาเจียน คอแข็ง (ก้มคอไม่ลง) แขนขาชาหรืออ่อนแรง พูดลำบาก ซึม ชัก
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)
    ยาหาย หรือขาดยา
    มีความวิตกกังวล

การป้องกัน

โรคนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคนี้สามารถป้องกันไม่ให้กำเริบบ่อยได้ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้นที่สำคัญ ได้แก่

    การสูบบุหรี่ 
    การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
    การได้กลิ่นฉุน ๆ เช่น กลิ่นสี กลิ่นทินเนอร์ กลิ่นน้ำมันเบนซิน กลิ่นน้ำหอม
    การเจอความร้อน เช่น อากาศร้อน การอยู่ในห้องที่ร้อนอบอ้าว การอาบน้ำร้อน
    การกำลังกายมากเกิน หรือการทำงานจนเหนื่อยล้า

2. การใช้ยาป้องกันตามที่แพทย์แนะนำ เช่น เวราพามิล (verapamil), เพร็ดนิโซโลน, ลิเทียมคาร์บอเนต เป็นต้น

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการปวดศีรษะข้างเดียวคล้ายไมเกรน ต่างกันที่โรคนี้พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ปวดรุนแรงกว่าแต่ระยะเวลาสั้นกว่าไมเกรน (ปวดนาน 15 นาทีถึง 3 ชั่วโมง) และปวดแบบเว้นระยะเป็นช่วง ๆ แต่เป็นทุกวัน หรือวันเว้นวัน นานเป็นสัปดาห์ถึงเป็นแรมปี (ไมเกรนพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จะปวดติดต่อกันนานครั้งละ 4-72 ชั่วโมง แล้วเว้นไปนานกว่าจะกำเริบใหม่) โรคนี้มักจะไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน กลัวแสง และกลัวเสียง (ซึ่งตรงข้ามกับไมเกรน) แต่จะมีอาการตาแดง น้ำตาไหล หนังตาบวม หนังตาตก รูม่านตาหดเล็ก หรือน้ำมูกไหลร่วมด้วย  (ซึ่งไม่พบในไมเกรน) โรคนี้เวลาปวด ผู้ป่วยจะอยู่ไม่นิ่ง จะเดินไปมา หรือโยกตัว (ผู้ป่วยไมเกรนจะหยุดเคลื่อนไหว นั่งหรือนอนพักในห้องมืด ๆ เงียบ ๆ)

2. ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอาการปวดต่อเนื่อง ไม่เว้นระยะ หรือปวดนานเป็นวัน ๆ ควรคิดว่าอาจเป็นโรคร้ายแรงทางสมอง (เช่น เนื้องอกสมอง หรือเลือดออกในสมอง สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น) ดังนั้น ถ้ามีอาการปวดศีรษะรุนแรงร่วมกับมีประวัติศีรษะได้รับบาดเจ็บ หรือมีอาการไข้ อาเจียน คอแข็ง (ก้มคอไม่ลง) แขนขาชาหรืออ่อนแรง พูดลำบาก ซึม หรือชัก ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว

3. โรคนี้แม้จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง และเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง (บางคนอาจเป็นไปจนตลอดชีวิต บางคนเมื่ออายุมากขึ้นก็จะปวดห่างขึ้น และมีช่วงปลอดอาการนานขึ้น) แต่ไม่มีอันตรายร้ายแรง และไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด การรักษาเพียงให้ยาบรรเทาอาการปวด (ขณะมีอาการปวดรุนแรงเฉียบพลัน มักจะต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อใช้ยาฉีดบรรเทาอาการ ยาแก้ปวดชนิดกินจะใช้ไม่ได้ผล) และให้ยากินป้องกันไม่ให้กำเริบบ่อย ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองไม่ให้กำเริบบ่อยด้วยการหลีกเลี่ยงสาเหตุกระตุ้น



ตรวจโรค: ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ (Cluster headache)  อ่านบทเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/symptom-checker

40
เชื่อว่าท่านผู้อ่านทุกท่านน่าจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าแปรงสีฟันนั้นคือหนึ่งในสิ่งที่สำคัฯมากๆและไม่ควรจะมองข้ามโดยเด็ดขาดถ้าหากอยากให้สุขภาพช่องปากและฟันไม่เสียหายหรือถูกทำลาย

นอกจากเชื้อโรคต่างๆที่อยู่ในช่องปากแล้วที่ทำให้สุขภาพช่องปากและฟันของท่านเสียหาย อุปกรมณ์ที่นำมาใช้ทำความสะอาดก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำร้ายฟันและเหงือก รวมถึงทำลายสุขภาพช่องปากในระยะยาวอีกด้วยก็เป็นได้

โดยในวันนี้ทางด้าน Clinic จะขอพาท่านผู้อ่านมาเรียนรู้เคล็ดลับ และวิธีสังเกตว่าสมควรหรือยังที่ท่านจะต้องเปลี่ยนแปลงสีฟันใหม่ เนื่องจากแปรงสีฟันคือสิ่งสำคัญเราถึงย้ำอยู่เสมอว่าท่านไม่ควรมองข้าง โดยมีรายละเอียดเบื้องต้นดังต่อไปนี้

 

ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อไหร่ดี ?

หลายๆท่านอาจจะทราบกันแล้วไม่มากก็น้อยว่า ตามหลักการณ์แล้ว ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้ทำการเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือน คิดคร่าวๆเฉลี่ยนแล้ว แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง (อย่างสม่ำเสมอ) ก็จะตกอยู่ที่ 180 ครั้งในการใช้งาน ซึ่งถ้ามองตามตัวเลขค่าเฉลี่ยนแล้ว 180 ครั้งถือว่าไม่น้อยเลยในการใช้งานแปรงสีฟันกับช่องปากที่ท่านรัก เพราะเหตุนี้นี่เองทันตแพทย์ทั่วโลกจึงแนะนำว่าการเปลี่ยนแปรงด้วยระยะเวลา 3 เดือน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในอัดดับแรก

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทันตแพทย์จะแนะนำเสมอแต่ไม่ค่อยจะมีคนไหนสนใจก็คือหากว่าท่านมีอาการป่วย เป็นหวัด เป็นไข้ หรือแม้เพียงแต่อาการเจ็บคอ ก็ควรจะทำการเปลี่ยนแปรงสีฟันที่ใช้อยู่ในทันที โดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจเวลาว่าใช้มานานขนาดไหนแล้วก็ตาม

เนื่องจากว่าในระหว่างที่เราไม่สบายนั้นและเกิดการใช้แปรงสีฟันก็ไม่ต่างอะไรกับการแพร่เชื้อสู่แปรงสีฟัน ที่เข้าไปแอบซ่อนอยู่ในขนแปรง และเมื่อนำกลับมาใช้ท่านก็จะรับเชื้อจากแปรงสีฟันอีกด้วย

 
วิธีสังเกตสภาพแปรงสีฟันว่าควรเปลี่ยนหรือไม่ ?

มีหลายต่อหลายคนรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมคือ 3 เดือนเปลี่ยนแปรงหนึ่งครั้งโดยที่ไม่ทันได้สังเกตแปรงที่ท่านใช้อยู่ในแต่ละวัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมเท่าที่ควรเนื่องจากว่าการใช้งานแปรงสีฟันของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ท่านรู้ว่าควรเปลี่ยนแปรงสีฟันหรือไม่นั่นคือการสังเกตแปรงของท่าน หากว่าขนแปรงมีรูปทรงที่ผิดแปลกไป เช่นมีปลายขนที่บานออก มีสีขนแปรงรวมถึงตัวแปรงสีฟันที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน รวมถึงขนแปรงเริ่มมีกลิ่น เพราะเกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียในขนแปรง ท่านควรเปลี่ยนให้เร็วที่สุด และควรคิดไว้เสมอว่าแปรงสีฟันคือสิ่งเพาะเชื้อชั้นดี และอย่ามองข้ามเด็ดขาด


เทคนิคสำคัญในการเก็บแปรงสีฟันหลังใช้งาน ลดการสะสมเชื้อโรค ?

– ล้างขนแปรง และตัวแปรงสีฟันให้สะอาดทุกครั้งก่อนจะทำการเก็บเข้าที่

– การเก็บแปรงสีฟัน แนะนำว่าให้ใช้วิธีตั้งหัวแปรงให้มีลักษณะขึ้นด้านบน

– พื้นที่ในการวางแปรงสีฟันควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก ควรมีลมพัดผ่าน

– ไม่ควรเก็บแปรงสีฟันไว้ในกล่องมิดชิด เพราะจะยิ่งทำให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าการวางตากอากาศที่ถ่ายเท



ข้อเสียของการไม่เปลี่ยนแปรงสีฟัน ?

– เกิดปัญหาเรื่องของกลิ่นปาก และไม่สามารถหาสาเหตุได้

– ฟันเปลี่ยนสีไม่ขาวสะอาดเหมือนเดิมแม้ว่าจะแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอก็ตาม

– มีคราบพลัคเกาะแน่นบนผิวฟันเพิ่มขึ้น ถ้าสังเกตหลังจากที่แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันเก่าที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยจะมีคราบเหนียวๆลื่นๆติดอยู่บนฟัน

– แปรงสีฟันที่เสื่อมสภาพมักจะทำความสะอาดตามซอกฟันได้ไม่ดีพอ จึงทำให้เศษอาหารเล็กๆยังเกาะตามซอกฟันส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตขอเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย ส่งผลทำให้เกิดฟันผุนั่นเอง

– เหงือกอักเสบ บวมแดง มีเลือดระหว่างแปรงฟัน เนื่องจากแปรงเก่านั้นจะมีเชื้อโรคอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ช่องปากติดเชื้อโรคได้ง่ายเช่นกัน


ทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลหลักๆที่ท่านผู้อ่านทุกคนสมควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อถึงเวลา หรือเมื่อแปรงสีฟันของท่านมีรูปทรงที่ไม่ปกติ นั่นเอง




จัดฟันบางนา: วิธีสังเกตสภาพแปรงสีฟัน แม้ไม่ถึงเวลาแต่อาจต้องเปลี่ยน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

41
หัวเหว่ย Huawei P20
Huawei P20 ดีไซน์พรีเมี่ยมกระจกและโลหะ หน้าจอไร้ขอบอัตราส่วน 18.7:9 ชิปเซ็ตตัวแรง Hisilicon Kirin 970 ชุดกล้องคู่จาก Leica ความละเอียด 12MP F1.8 + 20MP F1.6 และกล้องหน้าความละเอียดสูง 24MP

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น         หัวเหว่ย Huawei P20
   ราคากลาง      17,990 บาท
   จำนวนซิม      2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์     จอสัมผัส
   สี               ดำ, ม่วง, น้ำเงิน, ทอง

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900 - SIM 1 & SIM 2)
3G(HSDPA 850 / 900 / 1900 / 2100)
4G(LTE)

   ขนาด-น้ำหนัก                     ยาว 149.1 x กว้าง 70.8 x หนา 7.7 มม., น้ำหนัก 165 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)    128 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด       -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 3,400 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                    จอสัมผัส (LTPS IPS LCD)
   ความละเอียด             5.8 นิ้ว, 428 ppi, 1,080 x 2,244 px

   รายละเอียดอื่น
ดีไซน์กระจกและโลหะ
หน้าจออัตราส่วน 18.7:9 มีติ่งที่หน้าจอ
สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Home ด้านหน้า
รองรับ Face Unlock
เซนเซอร์ accelerometer, gyro, proximity, compass
รองรับ Super Charge
ชุดกล้องคู่จาก Leica ความละเอียด 12MP F1.8 + 20MP F1.6
ระบบกันสั่น OIS
บันทึก Super Slow Motion 960 FPS บนความละเอียด HD 720P

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                   กล้องหลัง (20 Mpx), กล้องหน้า (24 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                              Auto Focus, Flash, ซูมออปติคอล

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Hisilicon Kirin 970, Octa-core (4x2.4 GHz Cortex-A73 & 4x1.8 GHz Cortex-A53)
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Mali-G72 MP12
   หน่วยความจำ (RAM)              4.0 GB

   ระบบเชื่อมต่อภายนอก
Infrared, USB(Type-C 3.1), Bluetooth(4.2), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac), IR LED, ANT+, DLNA, Bluetooth Low Energy (BLE), WiFi Direct, Miracast, USB OTG, A2DP, USB Host

   ระบบรับส่งข้อความ               SMS, MMS, EMAIL, PUSH MAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต         3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G
   ระบบ GPS                        A-GPS, GLONASS


มือถือ Huawei หัวเหว่ย Huawei P20 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/mobilephone/huawei/

42
การเข้ารับการจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก และยังมีความปลอดภัยอีกด้วย เพราะการจัดฟันแบบใส ทันตแพทย์หรือสถานบริการจะต้องได้รับการรับรองจากทาง Invisalign ให้สามารถให้บริการด้านการจัดฟันแบบใสได้ ดังนั้น การจัดฟันแบบใสจึงได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่มีผลการรักษาที่แม่นยำ ปลอดภัย ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความมั่นใจว่า เขาจะได้รับการบริการที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานสากล


ทั้งนี้ ระหว่างการรักษา หรือหลังจากการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร การพูด การทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพียงแค่ถอดเครื่องมือการจัดฟันออก การที่สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ เป็นจุดเด่นที่ทำให้หลายคนเลือกเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพราะมีความสะดวกกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการจัดฟันแบบ หลายคนอาจจะมีความลังเลว่า การจัดฟันแบบใสนั้น เราจะต้องมีวิธีการปฏิบัติตัวอย่างไร จะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ หรืออย่างบางคนอาจจะมีพฤติกรรมที่ชอบสังสรรค์ ปาร์ตี้ อาจจะมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็อาจจะกังวลว่า ถ้าหากเราเข้ารับการจัดฟันแบบใสแล้ว สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่
 

วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงประเด็นดังกล่าว เพื่อให้หลายคนที่มีความสงสัยได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส อย่างที่เราเคยบอกไปแล้วว่า การจัดฟันแบบใสนั้น สามารถทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้รับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน เพราะการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟันต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออกอยู่แล้ว ก่อนการรับประทานอาหาร ดังนั้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้เข้ารับการจัดฟันก็ต้องถอดเครื่องมือออกเช่นเดียวกัน เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางประเภทมีสี อาจจะส่งผลทำให้เครื่องมือการจัดฟันมีสีที่เปลี่ยนไป


นอกจากนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีส่วนผสมของน้ำตาล อาจจะเป็นการทำลายเครื่องมือการจัดฟันได้ แต่ถ้าหากเผลอดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องทำความสะอาดเครื่องมือการจัดฟันทันที เพื่อไม่ให้คราบต่างๆติดอยู่บนเครื่องมือจัดฟัน และไม่ให้เครื่องมือการจัดฟันมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ด้วย ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ แต่ต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออก อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์กำหนดไว้ และยังเป็นการทำให้เครื่องมือการจัดฟันทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


หากสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมอย่างครบวงจร โดยเฉพาะในเรื่องการจัดฟันแบบใส เพราะทางคลินิกได้รับการรับรองสูงสุดจากทาง Invisalign ให้สามารถให้บริการกับผู้ที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้ ตามมาตรฐานสากล ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความปลอดภัย


มีความน่าเชื่อถือ ว่า ถ้าหากเข้ารับบริการจากทางคลินิกคุณจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ทางคลินิก ยังมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจ โดยเริ่มต้นที่ 49,000 บาท จากราคาปกติ 69,000 บาท


ผู้ที่เข้ารับการจัดฟันใส ดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

43
เลกซัส Lexus LBX Premium ปี 2024
Lexus LBX Premium ได้ถูกนำเสนอภายใต้ แนวคิด “Escape The Ordinary” นิยามใหม่ของความแตกต่าง และเพื่อเป็นการเชื่อมต่อแบรนด์และกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นให้เป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่มาพร้อมคุณภาพเหนือระดับ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Premium Casual” เรียบหรูและโดดเด่นด้วย “Resolute Look” การออกแบบภายนอกที่สะท้อนบทใหม่ของเลกซัส และแสดงถึงตัวตนของ LBX ได้อย่างชัดเจน ดีไซน์ด้านหน้าและด้านหลังออกแบบมาอย่างประณีต อาทิเช่น ชิ้นส่วนลดแรงต้านรูปทรงครีบบริเวณกันชนด้านหน้า ที่ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้สเกิร์ตยิ่งขึ้น เสาด้านหลังแต่งฟิล์มลายเส้นพื้นผิวแมทสลับกลอสซี่บนพื้นสีดำ กลมกลืนไปกับดีไซน์ของรถเมื่อมองจากระยะไกล และเผยให้เห็นถึงผิวสัมผัสที่มีความพิเศษเมื่อมองจากระยะใกล้ ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของ LBX ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Tazuna Concept” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างผู้ขี่ม้าและสายควบคุมม้า ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางของ LBX ถูกออกแบบด้วยแนวคิด “Tazuna Concept” ที่ได้แรงบันดาลใจจากความเชื่อมโยงระหว่างผู้ขี่ม้าและสายควบคุมม้า

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            Lexus
   รุ่น                 เลกซัส Lexus LBX Premium ปี 2024
   ประเภทรถ        รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว         2024
   ราคา              2,390,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (with BSM)
ไฟตัดหมอก (หน้า)
ไฟหน้า (ระบบปรับองศาของไฟส่องสว่างอัจฉริยะ,ไฟหน้าแบบปรับองศาการส่องสว่างสูง-ต่ำอัตโนมัติ,ไฟส่องมุมหน้ารถ)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (พร้อมเซ็นเซอร์ควบคุมการปัดอัตโนมัติ)
ไฟ Daytime Running Lights
ขนาดยางหน้า-หลัง (225/55R18)
ไฟหน้า LED (1-LED)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ระบบประตูนิรภัยอัจฉริยะ)
ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)

   ภายใน
พวงมาลัยหุ้มหนัง
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ECO / Normal,ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (EV Mode))
อุปกรณ์ภายในอื่นๆ (กระจกแต่งหน้า(สำหรับที่นั่งตอนหน้า))
กระจกมองหลังตัดแสง (แัตโนมัติและด้านข้าง)
อุปกรณ์วัดความเร็วสะท้อนกระจก Head Up Display
พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS (Electric Power Steering))

สเปค
   เครื่องยนต์                  1.5-liter L-3  12-valve DOHC,Chain Drive (With Dual VVT-i) กำลัง 90 แรงม้า แรงบิด 120 นิวตันเมตร / มอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous alternating current motor (Permanent magnet type) กำลัง 92 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร กำลังรวมทั้งระบบ 134 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 170 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชใ. ใน 9.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 26.32 กม./ลิตร ค่าเฉี่ยมลพิษ Co2 85 กรัม/กม. และ มาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO6

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      1,490 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)   90 แรงม้า
   ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                   E-CVT พร้อม Paddle Shift
   ระบบเบรค ABS              มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), ไฮบริด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)      36 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน               EFI (Electronic Fuel Injection System)
   น้ำหนักตัวรถ                 1,755 กก.
   ประเภทยางรถยนต์            -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)               ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน              ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย
อุปกรณ์ความปลอดภัย   อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VSC)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ไฟเบรกดวงที่ 3
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobiliser & Alarm)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (,ระบบช่วยเบรค (BA))
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบติดตามช่องทางวิ่ง)
เข็มขัดนิรภัย (แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและลดแรงกระชาก (สำหรับที่นั่งตอนหน้า),แบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ (สำหรับที่นั่งตอนหลัง))
กระจกนิรภัย (กระจกหน้าตัดแสง UV พร้อมระบบดูดซับเสียง,กระจกตัดแสง UV +Acoustic สำหรับประตูรถด้านหน้า,กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหลัง)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (พร้อมระบบเบรคอัตโนมัติ)
กล้อง (มองภาพด้านหลังขณะถอยจอด)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (แบบ ISO FIX-Compliant (สำหรับที่นั่งตอนหลัง))
ระบบเตือนแรงดันลมยาง

รถยนต์ใหม่ 2024: เลกซัส Lexus LBX Premium ปี 2024 อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/car/article/133498

44
ความง่วง มักเป็นสิ่งที่ทำให้เราไม่อยากจะทำอะไรต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเวลาเรียนหรือคิดงานอยู่ ถ้าจู่ๆ เกิดง่วงขึ้นมานี่ หมดอารมณ์กันเลยทีเดียว วิธีแก้ที่ดีนั้นก็คือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ…แต่ถ้าเกิดทุกวันนี้งานที่ต้องทำมันเยอะกว่าเวลาที่เรามีล่ะ?

วันนี้จะพามาดู 5 วิธี ช่วยแก้ง่วงกันค่ะ


1. ยืดกล้ามเนื้อ

หากเริ่มรู้สึกง่วง ให้ลองลุกจากโต๊ะ เดินไปรอบๆ บิดขี้เกียจ ยืดเส้นยืดสาย หรืออาจจะไปคุยกับเพื่อน เข้าห้องน้ำล้างหน้าให้สดชื่น ขอแค่ให้ได้ขยับตัวสักหน่อย เพื่อเป็นการกระตุ้นร่างกาย ดีกว่านั่งอยู่เฉยๆ


2. ฟังเพลงจังหวะเร็วๆ

ถ้าเราเกิดง่วงขึ้นมาแล้วนั่งทำงานนิ่งๆ เฉยๆ ต่อไปแบบนั้น มีแต่จะทรมานเปล่า หาหูฟังใส่สบายสักอัน พร้อมกับเพลงที่จังหวะมันส์ๆ หรือเพลงโปรด มาฟังก็ช่วยได้ เพราะคลื่นความถี่จะเข้าไปกระตุ้นประสาทสัมผัสของเราให้ตื่นตัวมากขึ้น


3. ดื่มน้ำเยอะๆ

น้ำ มีบทบาทสำคัญกับชีวิตของเรามากจริงๆ ในที่นี้การได้ดื่มน้ำเยอะๆ สามารถช่วยให้หายง่วงได้ เพราะน้ำช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ร่างกายเรามีน้ำกว่า 70% หากเกิดอาการขาดน้ำขึ้นมา ย่อมส่งผลให้อ่อนเพลียขึ้นได้เช่นกัน ใครง่วงหนักสามารถดื่มเครื่องดื่มที่มี คาเฟอีน อย่างกาแฟ ก็ได้เช่นกัน


4. ทานผลไม้เปรี้ยวๆ หวานๆ

ผลไม้เปรี้ยวๆ หวานๆ อย่างส้ม สับปะรด มะม่วง มะยม พวกนี้ สามารถช่วยให้หายง่วงได้ดี ทั้งสดชื่น ตาสว่าง แถมความอร่อยเข้าไปด้วย เท่านี้ก็พร้อมลุยงาน แต่อย่าทานจนมากเกินไปนะคะ


5. งีบหลับสักนิด

การงีบหลับ มีงานวิจัยออกมาว่า การที่ได้งีบหลับสัก 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อนสักนิด พอตื่นขึ้นมา คุณจะรู้สึกสดชื่นและสมองปลอดโปร่งมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ต้นเหตุของความง่วงมักมาจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นหากจะแก้ที่ต้นเหตุ ก็ต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ นอนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะช่วยให้หายง่วงหรือเพลียระหว่างวันได้

 

เทคนิค แก้ง่วงระหว่างวัน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/products/

45
สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ ยูโอบี Car2Cash-ธนาคารยูโอบี (UOB)
สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ UOB Car2Cash ให้คุณได้มากกว่า คล่องตัวทุกสถานการณ์ด้านการเงิน ไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ในเล่มทะเบียน โดยผู้ขอสินเชื่อ ยังมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และสามารถใช้รถยนต์ได้ตามปกติ

ดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นเพียง 0.50% ต่อเดือน
ผ่อนยาว ผ่อนนาน สูงสุด 72 เดือน สบายใจ ลดภาระ
รับรถอายุสูงสุด 16 ปี
ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียนสะดวก ง่าย
วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน
อนุมัติไว บริการถึงที่ รับเอกสารไว ภายใน 1 ชั่วโมง**

รายละเอียดสินเชื่อ
   สถาบันทางการเงิน           ธนาคารยูโอบี
   ชื่อสินเชื่อ                     สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ ยูโอบี Car2Cash
   ประเภทสินเชื่อ                สินเชื่อรถแลกเงิน
   วัตถุประสงค์สินเชื่อ           สินเชื่อเพื่ออุปโภค-บริโภค-ซื้อสินค้า, สินเชื่ออเนกประสงค์
   ลักษณะหลักประกัน          สินเชื่อหลักทรัพย์ค้ำประกัน
   รายละเอียดหลักประกัน      อายุรถ : อายุไม่เกิน 20 ปี เมื่อรวมระยะเวลาการผ่อน

   ผู้มีสิทธิ์กู้                 ผู้มีรายได้ประจำทุกประเภท

   คุณสมบัติผู้กู้
อายุผู้สมัคร 20-65 ปี (รวมระยะเวลาผ่อน)
พนักงานประจำอายุงาน 1 ปีขึ้นไป (ต้องผ่านการทดลองงาน) กรณีเปลี่ยนที่ทำงาน นับอายุงานต่อเนื่องได้
เจ้าของกิจการอายุงาน 3 ปีขึ้นไป กรณีเปลี่ยนกิจการ นับอายุกิจการต่อเนื่องได้ เฉพาะในสายธุรกิจเดียวกัน

   วงเงินกู้                สูงสุดไม่เกิน 2,000,000 บาท
   ระยะเวลากู้            สูงสุด 72 งวด
   วิธีการคิดดอกเบี้ย    อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

   อัตราดอกเบี้ย
ผู้กู้                   จำนวนเงินกู้           ดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมต่อปี
ผู้กู้ทุกประเภท   2,000,000 บาท   24.00 %

   รายละเอียดอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน เทียบเท่ากับอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก 10.99% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 24% ต่อปี (รวมค่าปรับและค่าธรรมเนียมอื่นๆ แล้ว) คำนวณแบบลดต้นลดดอก

   หมายเหตุอัตราดอกเบี้ย            อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอาจเปลี่ยนแปลงตามจำนวนเงินกู้ อาชีพและเงินเดือนของผู้กู้

   ดอกเบี้ยผิดนัด
สูงสุด 24%
ค่าธรรมเนียม

   ค่าธรรมเนียมจัดการเงินกู้
   ค่าธรรมเนียมเบิกถอน              โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   ค่าการทวงหนี้                     ไม่เกิน 100 บาท/รอบบัญชี
   ค่าอากรแสตมป์                   0.05% ของวงเงินอนุมัติ

   ค่าธรรมเนียมอื่นๆที่สำคัญ
ค่าขอใบแจ้งยอดบัญชีของแต่ละงวด (ชุดที่ 2 เป็นต้นไป) : 100 บาทต่อครั้ง ต่องวดการสรุปยอดบัญชี (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ค่าขอตรวจสอบรายการ : 200 บาท ต่อครั้ง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ค่าเบิกสำเนาคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ : 200 บาท ต่อครั้ง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ค่าบริการด้านงานทะเบียนขนส่ง : อัตราค่าบริการเป็นไปตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด และเรียกเก็บจากผู้ให้บริการโดยตรง
การชำระคืน

   ยอดชำระขั้นต่ำ              โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   สิทธิชำระเกินค่างวด        โปรดสอบถามผู้ให้บริการสินเชื่อ
   สิทธิชำระคืนก่อนกำหนด   มี (ไม่มีค่าปรับกรณีชำระหนี้คืนก่อนกำหนด)


รถแลกเงิน: สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ ยูโอบี Car2Cash-ธนาคารยูโอบี (UOB) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/money/article/111512

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 63

























































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า